Sunday, July 5, 2009

ในโรงเรียนถาปัตย์ตอนที่ห้า : ห้าปีถาปัดเค้าเรียนอะไรกันบ้าง?

เออ เพื่อนบอกว่าเราเขียนอ่านยาก เหมือนเขียนบทความวิชาการ!!
จะพยายามปรับภาษาลงให้ชิวๆ (ทำได้มั้ยเนาะ) (อะไรกันแส๊ด)

จริงๆแล้วเดี๋ยวนี้หลักสูตรโรงเรียนสถาปัตย์มีหลายแบบนะครับ

มีแบบ ห้าปีได้ปริญญาตรี (b.arch) ส่วนใหญ่จะเน้นการผลิตสถาปนิกอาชีพ เป็น Professinal Degree เพื่อการทำงาน

6ปีได้ ปริญญาโท (4+2) คือเรียนสี่ปีเป็นหลักสูตร์วิทยาศาสตร์บัณฑิต แล้ว อีกสองปี เป็น สถาปัตยศาสตรมหาบัณฑิต(b.sc + m.arch) ส่วนนี้จะเน้นการผลิตสถาปนิกที่สร้างองค์ความรู้ การทำวิจัย หรือหาแนวคิดใหม่ๆไปด้วย

จริงๆแล้วหลักสูตรแต่ละมหาลัยจะไม่เหมือนกันซะทีเดียวนะครับ
แต่ว่าในปัจจุบัน การจะเป็นสถาปนิกได้นั้น การเรียนสถาปัตย์จะถูกรับรองโดย สภาสถาปนิก (ก่อนจะเรียนดูให้ดีนะครับว่ามหาลัยที่สมัครเข้าไปเรียนนั้น ได้การรับรองจากสภามั้ย ถ้าไม่ได้คุณอาจได้ความรู้จริงแต่ว่าไม่สามารถเป็นสถาปนิกได้นะครับ)

เพราะฉะนั้นวิชาหลักๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีความเหมือนกันอยู่ประมาณหนึ่ง ขออนุญาติมาเล่าให้ฟังละกัน จากที่ไปเห็นมาหลายๆที่ครับ

ปีหนึ่ง จะเป็นปีที่ปรับตัว นักศึกษาจะได้เรียนรู้ความรู้ขั้นพื้นฐานต่างๆ วิชา fundamental design, fundamental art, painting, sketch, sculpture จะได้หัดจะได้เรียนในปีนี้ อาจมีการเข้าไปใน workshop เพื่อทำการเชื่อมเหล็ก ตัดไม้ สร้างแบบจำลองขนาดเท่าของจริงมาดูกัน แต่ในขณะเดียวกันวิชาตัวนอกคณะก็มีมากมายที่ต้องเรียน eng, math อะไรก็ว่ากันไป

ในเทอมที่สอง อาจจะเริ่มได้ออกแบบบ้านเล็กๆ เพื่อเรียนรู้การจัดเรียงฟังชั่นแบบง่ายๆ, ในบางมหาลัยอาจเริ่มเรียน ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมปีนี้, อ้อ เขียนแบบเบื้องต้นเป็นการหัดเขียนแบบทั่วไป และ การเขียนบ้านหลังเล็กๆ ก็ต้องเรียนในปีนี้เช่นเดียวกัน

ปีนี้จะยังงๆ กับชีวิต ดูจะเป็นนักเรียนถาปัดก็ไม่ใช่เพราะยังไม่ได้ออกแบบอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จะไปเถียงอาจารย์ก็ไม่รู้จะไปเถียงยังไง ดูจะแบบเค้าให้ทำไรทำหมด ;])

พอขึ้นปีที่สอง วิชาออกแบบจะเริ่มใหญ่ขึ้นอีกนิด เริ่มเป็น functions สองแบบมาอยู่ด้วยกัน บ้านกับคลีนิคเล็กๆ, ตึกแถว ห้องแถว, ร้านเล็กๆ ก็จะได้ลองออกแบบกัน วิชาโครงสร้างก็ต้องเรียนกันแล้ว โครงสร้างเหล็ก, โครงสร้างไม้,เขียนแบบอาคารใหญ่ขึ้น, ประวัติศาสตร์สถาปัตย์หลังจากพูดถึงโซนเมโสโปเตเมีย อาจเข้ามาสู่โซนเอเชียมากขึ้น อาจมีวิชาที่เป็นเทคนิควิธีให้ลง การตัดโมเดล, presentation อื่นๆอีกมากมาย

ปีนี้อาจเริ่มมีความเป็นนักเรียนถาปัดมากขึ้น เริ่มรู้ตัวว่าต้องทำอะไร ต้องเรียนยังไง อาจารย์สั่งเก้าโมงส่งสี่โมงจะทำยังไงให้ทันเวลา ชีวิตเริ่มดี เริ่มรู้จักเพื่อนๆมากขึ้น

ปีที่สาม เริ่มเข้าสู่การผสานเอาแนวคิดกับตัวสถาปัตยกรรมเข้าด้วยกัน วิชาออกแบบจะเป็นพิพิธภัณฑ์ต่างๆ,อาคารเรียน, รีสอร์ทอาคารที่มีลักษณะเป็นพื้นถิ่นไทยประยุกต์ต่างๆ เริ่มมีการเรียนวิชาผังบริเวณ, ออกแบบชุมชน, ผังเมืองวิชาบริหารงานก่อสร้าง, เขียนแบบอาคารขนาดใหญ่ขึ้นเช่น หอพัก, ประมาณราคา วิชานอกคณะมีบ้าง แต่ไม่เยอะมากแล้ว

คุณจะเริ่มว่าง มีเวลาเป็นของตัวเองในการเข้าห้องสมุดค้นหาว่าคุณคือใคร เริ่มรู้แล้วว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ถ้าคนไม่ชอบถาปัดส่วนใหญ่จะรู้ตัวประมาณตอนนี้

ปีที่สี่ ปีสุดท้ายก่อนจะทำวิทยานิพนธ์ ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนอาคารสูง เริ่มคุยกันแบบผู้ใหญ่เพราะว่าถ้าเป็นคณะอื่นเค้าจะจบกันแล้ว วิชาเทคโนโลยีอาคาร, สถาปัตยกรรมภายใน, ภูมิสถาปัตยกรรม, สถาปัตยกรรมไทย, การปฎิบัติวิชาชีพ ตัวนอกแทบไม่เหลือแล้ว! คุณมีเวลาว่าง ปิดเทอมต้องออกไปฝึกงานกับบริษัทสถาปนิก ได้เรียนรู้การทำงานจริงๆ

ปีห้า ปีสุดท้าย จะอยู่หรือจะไป ! ปีของวิทยานิพนธ์ เป็นปีที่มีโอกาส drop ติด I สูงที่สุด เพราะว่าในเทอมสุดท้ายจะไม่มีวิชาเรียนอีกแล้ว คุณต้องพัฒนาความคิดด้วยตัวคุณเอง ทำมันออกมาเป็นวิทยานิพนธ์ซึ่งมีไม่กี่สาขาวิชาที่ได้ทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาตรี ตอนจบสุดท้ายคุณต้องยืดหยัดชนกับอาจารย์ ต่อสู้ด้วยความคิด เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมจะเป็นสถาปนิก เพื่อออกไปทำงานแก่โลกและประเทศชาติต่อไป !

จบแล้วจ้า

1 comment:

  1. When I initially commented I appear to have clicked
    on the -Notify me when new comments are added- checkbox and now
    every time a comment is added I recieve 4 emails with the exact
    same comment. There has to be a way you can remove me from that service?
    Kudos!

    My weblog Ros24J8Bdu.Ontheroad.To

    ReplyDelete